น้ำด่าง มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร

น้ำด่าง  มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร

น้ำอัลคาไลน์ (Alkaline Water)

น้ำอัลคาไลน์ (Alkaline Water) คือ  น้ำสภาพเป็นด่าง (pH>8.0) ที่รู้กันอยู่แล้วว่า  น้ำเป็นส่วน

ประกอบหลักร่างกายมนุษย์ (เลือดประกอบด้วยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ สมองก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก)

 น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์ในร่างกาย ดังนั้น การบริโภคน้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพ

ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการบริโภคในปัจจุบันอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ในระยะยาว

ทำไมจึงต้องดื่มน้ำอัลคาไลน์

ร่างกายของเราได้ผลกระทบมากมายจากอาหารที่เรากินเข้าไปบางส่วน นอกจากจะไม่ถูกย่อยสลาย

ยังเปลี่ยนไปเป็นสารพิษ หรืออนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่สามารถก่อให้เกิดโรคต่อร่างกายเราได้

เพราะอาหารบางอย่างมีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำผลไม้กระป๋อง เนี้อสัตว์ น้ำอัดลม เบียร์ กาแฟ ยาสูบ เป็นต้น

ทำให้ร่างกายสะสมกรดไว้ และอาจจะมาจากสาเหตุอื่นด้วย เช่นการกิน การนอนและอารมณ์ของแต่ละคน

ประโยชน์ของน้ำดื่มอัลคาไลน์

-          ช่วยเจือจางความเป็นกรดในร่างกาย

-          ทำให้เซลล์ภายในร่างกายเกิดความสมดุล และสุขภาพดี

-          ทำให้ออกซิเจนในร่างกายสูงช่วยให้กระบวนการสร้างพลังงานมากและเร็วขึ้น

-          ต้านอนุมูลอิสระ

-          ล้างสารพิษในร่างกาย

-          ช่วยทำความสะอาดลำไส้ได้ดี

-          ลดปัญหาไขข้อเสื่อม และไขข้ออักเสบ

-          ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

-          ช่วยทำให้การดูดซึมอาหาร การเผาผลาญอาหารดีขึ้น  รวมทั้งเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย

-          ต่อต้านขบวนการเกิดออกซิเดชั่นซึ่งเป็นสาเหตุของความชรา

-          สะเทิน (ลด) พิษกรดในกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้บรรเทาความจุกเสียดแน่น ไม่สบาย ป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหาร

-          บรรเทาภาวการณ์เป็นกรดของร่างกาย (โรค Acidosis) ปรับแก้สุขภาพของผู้ป่วยให้ดีขึ้น

รายงานการศึกษาและการวิจัย (ในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา)

-          ช่วยการดูดซึม เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยล้างพิษ

-          ช่วยบำบัด และป้องกันโรคผิวหนังอักเสบ

-          ช่วยบำบัด และป้องกันโรคภูมิแพ้

-          ช่วยบำบัด และป้องกันโรคเบาหวาน

-          ช่วยบำบัด และป้องกันโรคเกาต์ และไขข้ออักเสบ

-          ช่วยบำบัด และป้องกันโรคกระดูก และไขข้อเสื่อม

-          ช่วยบำบัด และป้องกันโรคความดันโลหิตสูง

-          ช่วยบำบัด และป้องกันคอลเลสเตอรอลสูง

-          ช่วยบำบัด และป้องกันท้องผูก

-          ช่วยบำบัด และป้องกันท้องร่วง

-          ช่วยลดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย

-          ช่วยบำบัด และป้องกันโรคอ้วน

-          ช่วยบำบัด และป้องกันโรคไมเกรน

-          ช่วยบำบัด และป้องกันโรคกระเพาะอาหาร

-          ช่วยบำบัด และป้องกันเนื้องอก/มะเร็ง

-          ช่วยบำบัด และป้องกันโรคนิ่ว

-          ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย

-          ช่วยทำความสะอาดลำไส้ใหญ่

-          ช่วยระงับกลิ่นตัว

-          ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

-          ช่วยป้องกันการเป็นไข้หวัด

สาระน่ารู้ 11 ประโยชน์ของน้ำด่าง

น้ำด่างต้านมะเร็ง

เชื่อไม่เชื่อลองดูกันเอง

ณ บ้านพระอาทิตย์

       โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์  “มะเร็ง” คือกลุ่มของโรคที่เซลล์แบ่งตัวอย่างผิดปกติรุกรานเนื้อเยื่อข้างเคียงจนไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของ อนุมูลอิสระ (Free Radicle)  ซึ่งเป็นอะตอมที่ไม่มั่นคง เนื่องจากขาดอิเลกตรอน (ลักษณะประจุไฟฟ้าลบ) ไป 1.ตัว เมื่อผู้ถูกแย่งกลายเป็น     ตัวปัญหาเพราะตนไม่มั่นคง ก็จะแย่งอิเล็กตรอนโมเลกุลอื่นมาเป็นทอดๆ จนเกิดการรุกลามต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่และไม่สามารถหยุดยั้งได้การสูญเสีย “อิเล็กตรอน” จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการสูญเสียอิเลกตรอนไม่ได้มีผลต่อสภาพร่างกายมนุษย์เท่านั้น แม้แต่การเกิดสนิมของโลหะก็เกิดขึ้นเพราะมีปฎิกิริยาออกซิเดชั่น

(Oxidation)ที่เกิดการสูญเสี่ยเลกตรอนจนเกิดการทำปฎิกิริยาเคมีกับอากาศหรือน้ำและเกิดสนิมในโลหะ ได้ด้วยเช่นกันปัจจัยหนึ่งที่ยกตัวอย่างก็คือสภาวะที่คนเราทานอาหารที่มีสภาพความเป็นกรดสุงเกินพอดี ซึ่งสามารถวัดได้ด้วยค่า PH (Power of Hydrogen) ซึ่งเป็นวิธีการวัดไฮโดรเจนอิออน ซึ่งปกติแล้วน้ำซึ่งมีสูตรทางเคมี คือ H20 โดยแบ่งออกเป็นไฮโดรเจนประจุบวกหรือ H + กับ ส่วนที่เป็น  ประจุลบคือ OH- มารวมตัวกันเป็นน้ำ ซึ่งถ้าในน้ำนั้นมีจำนวนโฮโดรเจนประจุบวก H+ มากกว่าประจุลบOH- สภาพนั้น คือสภาพความเป็นกรด (Acid) ในทางตรงกันข้ามในน้ำนั้น หากมีประจุลบใน OH- มากกว่าประจุบวกใน H+ สภาพนั้นก็จะเรียกว่าเป็นด่าง (Alkaline) ค่าความเป็นกรดด่างจะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-14 โดยค่าต่ำกว่า 7 คือสภาพที่เป็นกรด ค่าที่เกินกว่าคือสภาพที่เป็นด่างคือสภาพที่ จากงาน  วิจัยในต่างประเทศพบว่าสภาวะปกติเลือด น้ำเหลือง และของเหลวในสันหลัง จะมีค่า PH ที่ประมาณ 7.4 หรือที่ค่า PH ที่สูงกว่า 7.4 เล็กน้อยจะทำให้เซลล์มะเร็งคงตัว  ในขณะที่หากสามารถทำให้มีค่า PH อยู่ถึงระดับ 8.5 ได้  เซลล์มะเร็งก็จะตายลงในทันใดที่เป็นเช่นนั้นได้ก็เพราะน้ำที่เป็นกรดหรือมีประจุบวก H+มากเกินไป โดยธรรมชาติก็จะพยายามดึงอิเลกตรอนจากเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายเราไปใช้มากขึ้น หากเกิดปฎิกิริยาเช่นนี้มากๆ ก็จะทำให้โมเลกุลในร่างกายเรานั้นสูญเสียอิเล็กตรอน ก็จะมีโอกาสที่จะเกิด    เป็นสภาวะเป็นอนุมูลอิสระที่ลุกลามต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นมะเร็งได้ในที่สุดในทางตรงข้ามน้ำที่มีสภาพความเป็นด่างหรือมีประจุลบจาก OH- อย่างเพียงพอก็จะช่วยในการชะลอการสูญเสียอิเลกตรอนจากเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายเราได้ เช่นกันในหลักสูตรล้างพิษตับของโรงเรียนผู้นำ ชาวสันติอโศกได้เคยตรวจสอบพบว่า คนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งร้ายแรง เมื่อตรวจน้ำลายด้วยกระดาษลิตมัส จะได้ค่า PH เป็นกรดในระดับ 5 หรือตรวจในปัสสาวะก็จะมีสภาพความเป็นกรดสูงเช่นกัน ดังนั้นใครสนใจว่าร่างกายตัวเรามีสภาพกรดหรือด่างมากหรือน้อยไปเพียงใดให้ลองตรวจเบื้องต้นวัดที่น้ำลายและปัสสาวะ โดยใช้กระดาษลิตมัสก็น่าจะได้ข้อมูลดังกล่าวได้ ดร.ออตโต้ วอร์เบิร์ก  นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลเมื่อ พ.ศ.2474  ได้เคยระบุการค้นพบว่าร่างกายมนุษย์นั้นเซลล์มะเร็งนั้นมักพบในที่ๆ ซึ่งไม่มีออกซิเจนในร่างกายงานวิจัยชิ้นนี้ก็น่าจะแสดงให้เห็นว่าสภาพความเป็นกรดหรือไฟฟ้าประจุบวกมากๆ  ก็มีโอกาสที่จะเกิดปฎิกิริยา      ออกซิเดชั่น (Oxidation) ร่างกายจนออกซิเจนซึ่งมีประจุลบ ในร่างกายนั้นถูกนำมาปฎิกิริยาจนบริเวณดังกล่าวไม่พบออกซิเจนอนุมูลอิสระมีที่มาจากทั้งแหล่งภายนอกร่างกาย ได้แก่ มลพิษในอากาศ โอโซน  ไนโตนเจนออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ฝุ่น ควันบุหรี่  อาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว น้ำอัดลม และคนที่รับประทานเนื้อสัตว์มาก โดยไม่ชอบทนผักและผลไม้ก็จะมีสภาวะความเป็นกรดสูงมาก แม้แต่อารมณ์เครียดและโกรธ ก็จะสร้างภาวะความเป็นกรดในร่างกายได้ เช่นกันในทางตรงข้ามสารต้านอนุมูลอิสระหรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า Anti Oxidant ก็อยู่ในพืชและผักหลายชนิด ได้แก่ ผักใบเขียว (เช่น ตำลึง และผักบุ้ง) หรืออาหารที่มีสีเหลือง (เช่น มะละกอสุก,มะม่วงสุก,มะเขื่อเทศ,ฟักทอง) รวมถึงอาหารที่มีวิตามิน A,C,E สูง เช่น พืช ผักสีเขียวและผลไม้รสเปรี้ยว ซึ่งอาหารเหล่านี้ให้ฤทธิ์เป็นด่างทั้งสิ้นด้วยเหตุผลนี้สูตรค่ายสุขภาพวิถีพุทธของ หมอเขียว (นายใจเพชร กล้าจน) แห่งสันติอโศก จึงเน้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ เพราะสูตรผสมระหว่างย่านาง,ใบบัวบกและใบเตย นั้นนอกจากจะเป็นพืชที่ฤทธิ์เย็นแล้ว ยังเป็นการปรับสมดุลฤทธิ์ด่างเพื่อลดความเป็นกรดในร่างกายได้ด้วยเหตุผลนี้หลักสูตร ล้างพิษตับ ของอโศก ที่ริเริ่มและพัฒนาหลักสูตร โดยคุณแก่นฟ้า แสนเมือง และคุณขวัญดิน สิงห์คำ และคณะจึงจัดทำน้ำด่างซึ่งทำมาจากน้ำที่บ่มกับขี้เถ้าแล้ว 7.วัน ให้ผู้เข้าหลักสูตรเพื่อลดความเป็นกรด ในร่างกายแม้ในต่างประเทศก็มีการนำน้ำฤทธิ์ด่างอย่างเช่น ที่ประเทศอิตาลี มีคุณหมอคนหนึ่งชื่อ ดร.Tullion Simoncini ใช้เบคกิ้งโซดา หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต (ซึ่งให้ฤทธิ์ด่าง) ผสมกับน้ำในสัดส่วนที่แตกต่างกันหลายแบบเพื่อใช้บำบัดให้ผู้ป่วยมะเร็งหลายประเภทได้ดื่มรักษาได้ผลดีระดับหนึ่งแต่การวัดค่า PH อาจจะไม่พอ เพราะจะวัดได้แค่ค่าของไฮโดรเจนในน้ำต่างๆ เท่านั้น แต่หากเป็นอาหารแล้วก็อาจจะมีสารอาหารอีกหลายชนิดที่สร้างประจุไฟฟ้าได้ด้วย บางทีเราอาจจะต้องใช้อุปกรณ์บางอย่างเพื่อวัดค่าไฟฟ้าว่าอาหารเหล่านั้น ให้ค่าสุทธิเป็นประจุไฟฟ้าบวกหรือลบที่จะมีการดึงหรือแย่งชิงอิเลคตรอนจากเซลล์ต่างๆ ในร่างกายหรือไม่ อย่างไร ?   อุปกรณ์ที่ว่านั้นคือ เครื่องมือวัดที่ชื่อ Oxidation Reduction Potential หรือค่า ORP เพื่อวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าสุทธิเป็นบวกหรือลบมากน้อยเพียงใดใช้หน่วยวัดเป็นมิลลิโวลต์ ซึ่งถ้าน้ำนั้นมีประจุบวกมากๆ (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นน้ำที่มีสภาพความเป็นกรด) ก็จะเป็นอาหารหรือน้ำประเภทที่เป็นOxidant ที่จะไปสร้างปฎิกิริยา Oxidation หนุนการทำงานของอนุมุลอิสระมากขึ้นในร่างกายมากขึ้น แต่ถ้ามีประจุไฟฟ้าลบ (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นน้ำที่มีสภาพความเป็นด่าง) ก็จะเป็นสารอาหารหรือน้ำที่ต้านการทำงานของอนุมูลอิสระ ได้เช่นกันจากการที่ผสมได้ใช้เครื่องมือวัดค่า PH และค่า ORP ในน้ำชนิดต่างๆ พบข้อมูลที่น่าสนใจบางประการที่คิดว่าจะมาแบ่งปันให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ดังนี้

1.    น้ำดื่มหลายประเภทในเวลานี้ในตลาดส่วนใหญ่มีสภาพความเป็นกรดอ่อนๆ  และมีค่า ORP เป็นบวกเล็กน้อยประมาณ + 100 ถึง + 200 มิลลิโวลต์ ในขณะที่น้ำอัดลมในตลาดเกือบทั้งหมดเป็นกรดที่แรงมากค่า PH ประมาณ 3 และค่า ORP เป็น + 400 ถึง + 500 มิลลิโวลต์ ดังนั้นน้ำอัดลมจึงมีศักยภาพการทำปฎิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) สูง และศักยภาพในการเสริมอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขึ้น แนวโน้มผู้เป็นมะเร็งจึงควรงดน้ำประเภทเหล่านี้

2.    น้ำที่ผ่านเครื่องไฟฟ้าทุกชนิดจะมีกระแสไฟฟ้าสุทธิประจุบวกเพิ่มมากขึ้น พบว่าแม้ค่า PH จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่เมื่อทดลองนำน้ำเปล่าไปปั่นในเครื่องปั่นในน้ำผลไม้ 2 นาที พบว่ามีค่า ORP ที่วัดใน 30 นาที จากเดิมก่อนปั่นพบว่ามีค่า ORP + 88 มิลลิโวลต์ หลังปั่นน้ำเปล่ามีค่า ORP เพิ่มขึ้นเป็น + 110 มิลลิโวลต์ (ในเวลาที่เท่ากัน) หรืออีกนัยหนึ่งน้ำเหล่านี้จะมีความสามารถในการทำปฎิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) เพิ่มเร็วขึ้นประมาณ 25 %  ดังนั้นหากเลือกได้ รับประทานผลไม้น่าจะดีกว่าดื่มน้ำผลไม้ปั่นจากเครื่องไฟฟ้า หรือทำน้ำคลอโรฟิลสดจากการบดคั้นด้วยมืออาจจะดีกว่าการปั่นด้วยเครื่องไฟฟ้า

3.    น้ำดื่มและน้ำปั่นรวมถึงอาหารแทบทุกชนิด เมื่อทิ้งในอากาศนานขึ้นจะพบว่าค่า ORP จะสูงเป็นประจุบวกเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลาหมายความว่าอาหารและน้ำส่วนใหญ่เมื่อทำเสร็จใหม่ๆ ควรรีบรับประทานดีกว่าปล่อยทิ้งค้างไว้นาน มิเช่นนั้นนอกจากจะมีจุลินทรีย์ลงไปในอาหารมากขึ้นแล้ว

ร่างกายเรารับประทานอาหารที่มีศักยภาพในการทำปฎิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) เพิ่มมากขึ้น

4.    แม้แต่น้ำด่างที่ทำขึ้นมาจากขี้เถ้าก็ดี แม้จากน้ำด่างจากเครื่องทำน้ำด่างที่ทำในต่างประเทศ

(ซึ่งก็มีกระแสไฟฟ้าผ่าน) ก็แม้จะมีประจุลบสุทธิในการวัดค่า ORP ในตอนต้นแต่ก็ไม่เสถียร อีกทั้งจะสูญเสียอิเลคตรอนไปเรื่อยๆ เมื่อเจออากาศ ความร้อน แสงแดด ดังนั้นแม้เป็นน้ำด่างก็ควรจะดื่มให้เร็วมากกว่าจะทิ้งค้างนานไว้เช่นกัน

5.    เมื่อตรวจในน้ำปัสสาวะของมนุษย์ พบว่าแม้ค่า PH และค่า ORP ในน้ำปัสสาวะของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน แต่พบสิ่งที่เหมือนกันก็คือ เมื่อทิ้งไว้นานจะเกิดการย่อยสลายเกิดก๊าซและคายพลังงานออกมาเป็นไฟฟ้าประจุลบมากขึ้น และกลายเป็นด่างมากขึ้น พบว่าบางคนมีสุขภาพปกติได้ตรวจปัสสาวะใน 3 นาทีแรกได้ค่า PH 7.2 และวัดค่า ORP ได้ + 64 มิลลิโวลต์ เมื่อเวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงครึ่ง พบว่ามีสภาวะความเป็นด่างเพิ่มมากขึ้นกลายเป็น 7.5 และค่า ORP กลายเป็น – 3 มิลลิโวลต์  นอกจากนั้นเมื่อสำรวจในผู้ป่วยมะเร็งรายหนึ่งพบว่าเมื่อวัดค่า PH ในปัสสาวะพบว่าเริ่มแรกอยู่ที่ 7.1 แต่เมื่อทิ้งใส่ถ้วยแก้วไว้กลับมีอัตราเร่งในการเป็นด่างเร้วมากกว่าคนปกติ และมีค่าประจุลบเพิ่มมากขึ้นกว่าคนปกติธรรมดา  จนเมื่อเวลาผ่านไป 30 ชั่วโมง พบว่าปัสสาวะกลายเป็นด่างมีค่า PH 9.8 ดังนั้นผู้ที่เลือกดื่มปัสสาวะในการบำบัดรักษาโรค         (โดยเฉพาะกลุ่มสันติอโศกจำนวนหนึ่ง) ที่ได้ปฎิบัติตามที่ระบุเอาไว้ในพระไตรปิฎกเพราะศรัทธาแล้ว ในภายหลังต่อมาจึงมีการอธิบายทางวิชาการถึงรักษาแบบ “เซรุ่ม” หรือ “พิษต้านพิษ”  จากปัสสาวะในการรักษาโรค แต่ที่ยังไม่เคยมีการศึกษามาก่อนก็คือ ปัสสาวะอาจมีสภาวะความเป็น  Anti Oxidant ตามธรรมชาติที่เป็นด่างเพิ่มมากขึ้นและคายพลังงานประจุลบมากขึ้นเมื่อเวลาเปลี่ยนไป จะเป็นสาเหตุที่ทำให้มีคนหายป่วยจากโรคต่างๆ ด้วยปัสสาวะบำบัดหรือไม่ ? ต้องออกตัวก่อนว่า ผมมีความรู้ที่กล่าวมาข้างต้นนี้น้อยนิดมาก เพราะไม่ได้ศึกษาและทำงานด้านนี้โดยตรงจึงได้แค่ค้นคว้า สืบค้น หรือสอบถามผู้รู้เอาเองตามประสาสื่อมวลชน แต่เห็นว่าข้อมูลดังกล่าวข้างต้นน่าจะเป็นประโยชน์ จึงขอนำผลทดลองทางวิทยาศาสตร์เล็กๆน้อยๆนี้แบ่งปันประสบการณ์ให้ผู้ที่รู้ได้ให้ความเห็นแลกเปลี่ยนต่อไป

“อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐโดยแท้ ที่มา :

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx? NewsID= 9550000101501

         

 

อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ ผลประโยชน์ของมะนาวผสมโซดาตัดเป็นชิ้นบางๆ ของมะนาวใส่ในแก้วหรือในโถเหยือก และดื่ม...จะกลายเป็นน้ำที่มีความเป็นด่างสูงมาก

น้ำที่มีความเป็นด่างนี้เองจะไปทให้เชื้อโรคต่างๆ ในร่างกายไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เพราะความเป็นด่างของน้ำนี้เอง ที่ทำลายเชื้อโรคและดื่มมันทั้งวัน เพียงแต่ใช้น้ำดื่มนี้ ดื่มทุกวัน จะทำให้ท่านมีสุขภาพดีมาก  ประโยชน์ที่มหัศจรรย์ของมะนาวนี้เอง จะอธิบายดังต่อไปนี้

สถาบันทางวิทยาศาสตร์อนามัยนี่คือ ยาที่มีผลต่อมะเร็งดีเยี่ยมล่าสุดของโลก

โปรดอ่านแล้วท่าตัดสินเองแล้วกัน

มะนาวเป็นผลิตผลที่มหัศจรรย์มากที่สามารถฆ่าเซลมะเร็งได้มากกว่า 1 หมื่นเท่า           มากกว่าเคโมเทอราฟี่...ทำไมเราไม่รู้เรื่องนี้เลย

เพราะว่าปฎิบัติการห้องแล็บส่วนใหญ่นั้น ไม่ยอมพูดเรื่องนี้เลยและก้อจะทำให้สูญเสียผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ไป

เราท่านทั้งหลายสามารถช่วยเพื่อนท่านได้ ในการบอกให้เขาหรือเธอเหล่านั้นว่าน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์ยิ่งในการป้องกัน โรคภัยไข้เจ้บ มีรสชาติที่ดีและไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการฉีดคีโมฯ   คนมากหลายอาจจะตายในขณะที่ความลับที่ป้องกันมะเร็งนี้ได้ถูกเก็บงำเอาไว้

เพื่อไม่ให้ต้องการทำลายผลประโยชน์ นับล้านๆ กับบริษัทยาใหญ่ๆ ท่านทราบไหมว่าต้นมะนาวนี้

(มะนาวแป้น และ หรือมะนาวทุกชนิด)ท่านจะกินมะนาวเหล่านี้ในวิธีต่างๆ ก็ได้ เช่นกอนเปลือก กินน้ำ หรือคั้น หรือเตรียมเป็นเครื่องดื่มใดๆ แล้วแต่ที่เราชอบ และมันทำได้หลายอย่าง โดยเฉพาะถ้าดื่มน้ำมะนาวผสมกับโซดา จะทำให้ผลประโยชน์ของน้ำมะนาวดังกล่าวสูบฉีดเข้าร่างกายได้ดียิ่งขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจคือ มันขจัดซีดหรือก้อนเนื้อร้าย

...ผลไม้ชนิดนี้ พิสูจน์แล้วว่าสามารถต่อต้านมะเร็งได้ อย่างดีเยี่ยม

มีคนกล่าวไว้ว่ามันมีผลประโยชน์ สำหรับมะเร็งหลายชนิด อาจกล่าวได้เลยว่ามันสามารถป้องกันการอักเสบของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราต่างๆ

สามารถที่จะต่อต้านพาราไซส์ที่อยู่ข้างในมันทำให้เลือดที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไปเข้าสู่สภาวะปกติ  มันทำให้คลายเครียดต่อต้านโรคประสาท โรคฟุ้งซ่านได้ด้วย ข่าวสารเรื่องนี้หน้าสนใจมาก มันมาจากบริษัทยาใหญ่หลายบริษัทในโลก ซึ่งมากกว่า 20 บริษัทได้ทำการทดลองเรื่องนี้  ผลการทดลองเปิดเผยออกมาได้ว่า มะนาวนี้สามารถทำลายเนื้อร้ายที่รุนแรง (มะเร็ง) ได้ถึง 12 ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งลำไส้เล็ก มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก  มะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน

ส่วนผสมของไซทัสหรือมะนาว

มีความสามารถในการทำลายมะเร็งได้มากกว่ายาที่ใช้การทำคีโม

ทำให้การเจริญเติบโตของเซลมะเร็งนั้นหยุดอยู่กับที่  และนอกจากนี้มันยังเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจมาก การรักษาด้วยมะนาวนี้สามารถทำลายต่อต้านมะเร็งได้อย่างรุนแรง แต่ไม่มีผลข้างเคียง

น้ำด่างจากพืช

มะนาว + โซดา

ฆ่าเซลมะเร็งได้

มะนาว เลือกลูกเขียวๆ ใช้จำนวน 2 ลูก + โซดา 1 ขวด

Visitors: 297,697